เกมในครึ่งแรก เนเธอร์แลนด์มีโอกาสจบสกอร์ 5 ครั้ง จาก วินเซนต์เยนเซ่น 2 ครั้ง บวกกับ มาร์เทน เดอ รูน , เดนเซลล์ ดุมฟรีส์ และ โคดี้ กัคโป คนละ 1 ครั้งแต่ไม่เข้ากรอบสักคน ฟากฝั่งเบลเยี่ยม มีโอกาสส่อง 5 ครั้งจาก เอเดน อาซาร์ , มิชี่ บาตรชูอายี่ , อักเซล วิตเซล , อมาดู โอนาน่า และ ธีโมที่ย์คาสตานเญ่ เปลี่ยนเป็นเข้ากรอบ 3 หน แต่ยังไม่ผ่านมือ แรมโก้พาสเวียร์ เข้าสู่ครี่งหลัง เนเธอร์แลนด์ส่งเคนเน็ธ เทเลอร์ กับ ไทเรลล์ มาลาเซีย ลงมาแทน นาธาน อาเก้ กับ วินเซนต์ แยนเซ่น ฟากฝั่งเบลเยี่ยมส่ง ยานนิค คาร์ราสโก้ กับ ชาร์ล เดอ คาเตแลเร่ ลงมาแทน โธมัส มูนิเยร์ กับ มิชี่ บาตรชูอายี่
ผ่านไปถึงนาทีที่ 64 ทั้งสองทีมได้กดฝั่งละ 3 หนโดยเนเธอร์แลนด์ได้โอกาสจาก เคนเน็ธ เทเลอร์ , เดนเซลล์ดุมฟรีส์ และ ยูเรียน ทิมเบิล คนละ 1 ครั้ง ฟากฝั่งเบลเยี่ยมได้โอกาสจาก เควิน เดอ บรอยน์ , อมาดู โอนาน่า และ ยานนิคคาร์ราสโก้ แต่ยังไม่มีฝั่งไหนได้ประตู นาที 64 เนเธอร์แลนด์ส่ง สเตฟาน เดอ ไฟร์ ลงมาแทน ยูเรียน ทิมเบอร์ขณะที่เบลเยี่ยมแก้เกมด้วยการส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงมาแทน เอเดน อาซาร์
ผ่านไปถึงนาทีที่ 73 โคดี้ กัคโป แอสซิสต์ให้ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ใส่สกอร์ให้เนเธอร์แลนด์ขยับออกนำ 1-0 หลังเสียประตู เบลเยี่ยมส่ง ยูริ ทีเลอมันส์ ลงมาแทน อมาดูโอนาน่า และเป็นฝ่ายครองเกมเหนือกว่า ทว่าหาจังหวะจบสกอร์ได้ค่อนข้างน้อย
แต่พวกเขาเก็บตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+4 โชคไม่ดีที่ลูกยิงของโดดี้ ลูเคบาคิโอ้ ดันไปชนคาน จบเกม 90 นาที เนเธอร์แลนด์ 1เบลเยี่ยม 0
เนเธอร์แลนด์ซิวแชมป์เบลเยี่ยมจบที่ 2 หลังผ่าน 6 นัด เนเธอร์แลนด์เก็บเพิ่มเป็น 16 คะแนน (ชนะ 5 เสมอ 1) คว้าแชมป์กลุ่ม A4 พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศซึ่งมีกำหนดการแข่งขันช่วงเดือนมิถุนายน 2023 เกมนี้ เนเธอร์แลนด์ ครองบอล 45.7% พร้อมโอกาสยิง 13 ครั้งโดยที่ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ เจ้าของประตูชัย 1-0 แท็คเกิล3 ครั้ง จ่ายบอลสำเร็จ 48/55 ครั้งผลงานดีที่สุดในสนาม (7.8 คะแนน)
ทางฝั่ง เบลเยี่ยม มีโอกาสยิง 11 ครั้ง จากการครองบอล 54.3% โดยที่ ธีโบว์ คูร์ตัวส์ เจ้าของ4 เซฟ ผลงานดีที่สุดในทีม (7.1 คะแนน)หลังผ่าน 6 นัด เก็บได้ 10 คะแนนจบด้วยอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 โปแลนด์ 7คะแนน และอันดับ 4 เวลส์ 1 คะแนน (ตกชั้นสู่กลุ่ม B)
คุณอาจสนใจเรื่องเหล่านี้